การปลูกกล้วยไม้
เนื่องจากในรอบปีแต่ละปีนั้น มีการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลตาม และความชุ่มชื้นก็ตาม อัตราการเจริญของกล้วยไม้ต่างๆในแต่ละฤดูกาล ก็มีความสอดคล้องกับบทบาทการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่นเดียวกันกับพันธุ์ไม้อื่นๆ ประเทศไทยตั้งอยู่ค่อนมาทางเหนือของเส้นศูนย์สูตร (equator) ของโลก ซึ่งมีผล กำหนดลักษณะฤดูกาลไว้อย่างแน่ชัด การปลูกและการขยายพันธุ์ ไม้ควรยึดหลักปฏิบัติในระยะต้นๆของฤดูเจริญเติบโต เพื่อให้ กล้วยไม้ได้มีโอกาสตั้งตัวและเจริญแข็งแรงดี ก่อนถึงฤดูกาลที่กล้วยไม้จะต้องมีการเจริญช้าลง หรือบางชนิดก็พักตัว ฤดูเจริญ เติบโตของกล้วยไม้เริ่มต้นระหว่างปลายฤดูแล้งต่อต้นฤดูฝนหรือประมาณเดือนมีนาคม-มิถุนายนกล้วยไม้ที่อยู่ในสภาพซึ่งควรจะได้พิจารณาปลูกใหม่ ได้แก่ กล้วยไม้ที่มีอายุมากอยู่ในสภาพทรุดโทรม สมควรที่จะตัดแยก และปลูกใหม่ กล้วยไม้ที่แตกกอขนาดใหญ่มากเกินไป หรืออยู่ในสภาพที่ระบบรากหมดอายุ การตัดแยกปลูกใหม่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่กล้วยไม้ได้ นอกจากนั้น การหาพันธุ์กล้วยไม้มาจากธรรมชาติเพื่อนำมาปลูก ก็ควรกระทำในฤดูนี้ด้วย ภาชนะปลูกอาจใช้กระถางดินเผา หรือกระเช้าไม้ แล้วแต่ความเหมาะสม หากเป็นกล้วยไม้ที่มีระบบรากอากาศคือ มีรากใหญ่และโปร่ง เช่น กล้วยไม้หลายชนิดที่ขึ้นอยู่ตาม ต้นไม้ในธรรมชาติ อาทิเช่น กล้วยไม้สกุลแวนดา เป็นต้น ควรใช้ภาชนะปลูกที่มีลักษณะโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนเครื่องปลูกก็ควรยึดหลักการเช่นเดียวกันคือ ใช้เครื่องปลูกที่โปร่ง เช่น ถ่านไม้ เป็นต้น ในสมัยก่อนได้เคยมีผู้นิยมใช้รากเฟิร์นบางชนิด มีลักษณะเป็นเส้นสีดำเรียกกันว่า ออสมันดา(osmunda) เป็นเครื่องปลูกกล้วยไม้กันอย่างแพร่หลาย ต่อมาออสมันดาหายากและมีราคาแพงยิ่งขึ้น จึงได้มีการสนใจใช้กาบมะพร้าวแห้งเป็นเครื่องปลูกกล้วยไม้บางชนิด ต่อมาในภายหลังได้พิจารณาเห็นว่า การใช้ถ่านไม้นับเป็นวิธีการที่สะดวกกว่า จึงได้มีผู้นิยมมากขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็มีผู้ซึ่งพยายามงดเว้นการใช้เครื่องปลูกใดๆทั้งสิ้น สำหรับกล้วยไม้ประเภทที่ มีรากอากาศ โดยให้รากเกาะอยู่ในภาชนะปลูกเท่านั้น ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่พอใจ ทั้งจำเป็นต้องมีการปรับวิธีการเลี้ยงดูให้สอดคล้องกับสภาพดังกล่าว เช่น มีการให้น้ำและให้ปุ๋ยมากขึ้นกล้วยไม้เหมือนพันธุ์ไม้ที่พบทั่วๆไปทั้งหลาย ซึ่งมีความต้องการน้ำ ปุ๋ย และการเลี้ยงดูตามสมควร กล้วยไม้ประเภทที่มีรากอากาศนั้น มีผิวรากหนา และมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้มาก จึงสามารถอยู่ในอากาศได้ดี และยังดูดความชื้นจากอากาศบาง ส่วนได้ด้วย โดยปกติในสภาพฝนฟ้าอากาศโปร่งและแจ่มใสการรดน้ำให้กล้วยไม้วันละครั้งในเวลาเช้าอย่างทั่วถึง นับว่า เป็นการเพียงพอ ส่วนปุ๋ยนั้นโดยทั่วๆไป ควรมีการให้ปุ๋ยละลายน้ำรดกล้วยไม้ประมาณสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง และใช้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักไนโตรเจน ฟอสเฟต และโพแทสเซียม ในอัตราส่วนประมาณเท่าๆ กัน ปุ๋ยผสมนี้ควรเป็นปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ดี และใช้ในอัตราประมาณร้อยละ ๐.๑-๐.๕ ของปริมาณน้ำ ก็นับว่าเป็นการเพียงพอการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชใน การเลี้ยงกล้วยไม้ เป็นสิ่งพึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสารเคมีเหล่านี้เมื่อมีพิษมีภัยต่อศัตรูกล้วยไม้ได้ฉันใด ก็ย่อมมีพิษมีภัยต่อชีวิตคนได้ฉันนั้น การเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกทั่วๆไป ย่อมมีเรือนหรือสวนกล้วยไม้อยู่ในบริเวณบ้าน การใช้ยาอันตรายทั้งหลาย จึงเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างยิ่งจึงขอแนะนำว่า คนเลี้ยงต้นไม้ที่ฉลาดและมีเหตุผลนั้น จะให้ความสนใจเลี้ยงและทะนุบำรุงต้นไม้ ให้เจริญแข็งแรงและสมบูรณ์ มีความต้านทานศัตรูได้ดีอยู่เสมอ ดีกว่าการใช้ยาป้องกันกำจัดศัตรู การใช้ยาจึงควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และพิจารณาปฏิบัติเมื่อมีความจำเป็นจริงๆล
วิธีการปลูกกล้วยไม้ ในกระเช้าไม้ลูกกล้วยไม้แวนดาที่นำออกจากกระถางเดี่ยว ขนาด ๑ นิ้ว
การดูแลรักษา
การปลูกเลี่ยงกล้วยไม้แบบ ธรรมชาตินั้น อาจกล่าวได้ว่าต้องการการดูแลรักษาน้อยมาก ผิดกับการปลูกเลี้ยงเป็นจำนวนมากในเรือนโรงมราต้องดูแลเป็นอย่างดี และมักมีโรคและแมลงศัตรูมากด้วย ประการสำคัญเพราะเราได้เลือกสรรชนิดของกล้วยไม้ที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อโรคและแมลงไม่มีเครื่องปลูกที่ผุเปื่อยตามอายุซึ่งจะต้องคอยเปลี่ยนใหม่ จึงเหมือนแต่เพียงดูแลรดน้ำให้บางตามความจำเป็น หรือพ่นยาป้องกันกำจัดโรคแมลงศตรูให้ในกรณีที่แหล่งนั้นมีมากกว่าปกตินานๆ ครั้งเพื่อให้กล้วยไม้สมบูรณ์แข็งแรง บางทีจะพบว่าจริญงอกงามดีกว่าพบในป่ามาก เพราะได้น้ำอาหารดีกว่าตลอกทั้งปี ไม่เหี่ยงเฉาในช่วงแล้งจัด การให้ปุ๋ยก้อเช่นกันเป็นเพียงเสริมให้ต้นไม้เจริญเติบโตดียิ่งขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นไม้กำลังเจริญแตกหน่อแตกใบ
อนึ่ง การรดน้ำนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะสภาพแวดล้อมในเมืองใหญ่ ๆ ในปัจจุบันมีอากาศร้อนอบอ้าวและมีฝุ่นละอองมากกว่าในป่า ซึ่งการรดน้ำนอกจากจะช่วยให้อากาศเย็นขึ้นแล้วยังทำหน้าที่ชำระล้างเอาฝุ่นละอองที่จับตามรากต้นไม้ด้วยมีข้อเสียอยู๋บ้างสำหรับน้ำบาดาลในบางท้องที่ซึ่งมีปริมาณเกลือแร่สูง และมีคุณสมบัติไม่เหมาะสำหรับกล้วยไม้บางชนิด เช่น ฟ้ามุ่ย และ เขาแกะ เป็นต้น มักจับเป็นคราบอยู๋ตามใบและรากทำให้กล้วยไม้ไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควรไประยะหนึ่ง พอเข้าฤดูฝนจะเจริญงอกงามตามปกติ
การเลี้ยงกล้วยไม้ในสภาพแวดล้อมของประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นประเทศร้อน ที่มีพันธุ์กล้วยไม้ป่านานาชนิดอยู่ตามธรรมชาติ สามารถจะนำมาศึกษาเพาะเลี้ยง เพื่อการอนุรักษ์ ขยายพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ให้เกิดประโยชน์ในด้านสังคม เศรษฐกิจ และอนุรักษ์ธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ประกอบกับสภาพสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของประเทศไทยเหมาะสมแก่การเลี้ยงกล้วยไม้โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก การเลี้ยงกล้วยไม้ใประเทศไทยจึงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๐ ในหมู่ของผู้สูงอายุและมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอสมควร การส่งเสริมการเลี้ยงกล้วยไม้อีกระยะหนึ่งได้เริ่มพันธุ์ต่างๆจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยง และมีการผสมพันธุ์กันบ้างแต่ยังจำกัดวงอยู่เช่นเดิม ความรู้ทางวิชาการจึงมิได้กระจายออกไปเท่าที่ควร และทรัพยากรต่างๆ ก็ยังมิได้เกิดประโยชน์อย่างชัดเจนด้วย ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ จึงได้มีการเปิดแนวความคิดใหม่ออกไปสู่มุมกว้าง ได้มีการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ในการเพาะ เมล็ดกล้วยไม้แบบวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และนำออกเผยแพร่ เพื่อให้คนทุกระดับฐานะนำไปปฏิบัติได้ อันเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนรักและสนใจต้นไม้ เพื่อการพัฒนาทางจิตใจ และเป็นการส่งเสริมการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจด้วย
กล้วยไม้สกุลม้าวิ่ง (๑ ของขนาดจริง)
ประโยชน์ของกล้วยไม้
กล้วยไม้ได้เข้ามามีบทบาทอยู่ในสังคมของมนุษย์เป็นเวลาช้านานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่า ในประวัติศาสตร์ของประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่มีศิลปวัฒนธรรมซึ่งน่าสนใจ และแผ่กระจายออกไปทั่วโลก ก็ยังมีหลักฐานปรากฏบทบาทของกล้วยไม้อยู่ด้วย เช่น ภาพเขียนที่ปรากฏตามโบราณวัตถุต่างๆประเทศในยุโรป บางประเทศที่ได้ทำการสำรวจดินแดนในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปเอเชียและอเมริกาในสมัยก่อน ก็ได้มีการนำกล้วยไม้นานาชนิดกลับไปเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ รวมทั้ง ได้มีการเริ่มผสมพันธุ์เพื่อประโยชน์ต่างๆด้วย เมื่อความเจริญทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และวิทยาการได้ขยายตัวกว้าง-ขวางออกไป ก็ได้ปรากฏว่า ประเทศต่างๆซึ่งกระจายอยู่ทั่วโลก และมีความเจริญพอสมควร ได้ให้ความสนใจในการเลี้ยงกล้วยไม้กันทั่วๆไป เมื่อได้วิเคราะห์ความนิยมในวงการกล้วยไม้ของประ-เทศต่างๆ อย่างกว้างขวางแล้ว สามารถจะสรุปได้ดังนี้
กล้วยไม้เป็นพืชซึ่งใช้เป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษาทางด้านวิชาการเกี่ยวกับธรรมชาติและชีวิตของพันธุ์ไม้ได้อย่างดี เนื่องจากกล้วยไม้เป็นพืชวงศ์ใหญ่มาก ลักษณะทางพันธุศาสตร์จึงมีความแตกต่างกันอย่างกว้างขวาง และยังมีการกระจายพันธุ์อยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่ผิดแผกแตกต่างกันอีกด้วย ทั่วโลก แม้ว่าจะได้มีการนำกล้วยไม้มาเลี้ยง และศึกษาวิจัยนานพอสมควรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังได้มีรายงานว่าได้มีการค้นพบและตั้งชื่อทาง พฤษศาสตร์แก่กล้วยไม้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น นักวิชาการพฤกษศาสตร์สาขาต่างๆ และพืชศาสตร์จึงได้ให้ความสนใจที่จะนำกล้วยไม้มาเป็นพืชตัวอย่างเพื่อการศึกษาและวิจัยในสาขานั้นๆยิ่งไปกว่านั้น ในสังคมของผู้นิยมเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกก็ประกอบด้วยบุคคลในหลายสาขาอาชีพ ผู้ที่มีความถนัดในสาขาวิชาการใด ที่จะนำมาใช้พัฒนาการเลี้ยงกล้วยไม้ได้ ก็จะให้ความสนใจนำวิชาชีพที่ตนถนัดมาใช้ ให้เกิดประโยชน์ในการปรับปรุง การเลี้ยงกล้วยไม้ด้วย สำหรับผู้ที่มิได้อยู่ในสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวกับต้นไม้ บางคนมีรสนิยมในการรวบรวมพันธุ์และศึกษากล้วยไม้ป่านานาชนิด และยังมีการศึกษาค้นคว้าจากตำราต่างๆ อย่างกว้างขวาง กล้วยไม้จึงเป็นพืชที่สามารถดึงดูดความสนใจจาก คนหลายประเภทให้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ดอกไม้เป็นอย่างดีความเจริญในสังคมทั่วๆไปที่ได้ผ่านมาแล้วนั้น ได้เน้นหนักไปในด้านวัตถุเป็นอย่างมาก การเพิ่มของจำนวนประชากรในส่วนต่างๆของโลกก็ดี ความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ ตลอดจนทางด้านสังคม และเศรษฐกิจ ทำให้คนเราต้องมีภารกิจการงานหนักมากยิ่งขึ้น ปัญหาต่างๆในชีวิตประจำวันนับเป็นแรงกดดันที่สำคัญทางจิตใจ ประชาชนในประเทศต่างๆที่เจริญพอสมควรแล้ว จึงมีความสนใจทำงานอดิเรกเพื่อเป็นการพักผ่อนจิตใจในยามว่าง การเลี้ยงกล้วยไม้จัดได้ว่า เป็นงานอดิเรกที่ สร้างสรรค์ ทั้งในด้านจริยธรรมและการศึกษาไปในตัว รวมทั้งได้มีโอกาสผ่อนคลายความตึงเครียดทางจิตใจในขณะที่อยู่กับต้นไม้ ทั้งยังศึกษาและติดตามการเจริญเติบโต และได้ชมดอก ที่สวยงาม หรือลักษณะแปลกๆ ซึ่งเป็นผลงานของแต่ละคน
กล้วยไม้เป็นต้นไม้ที่มีขนาดพอเหมาะสม การเลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกจึงสามารถกระทำได้ แม้ในบริเวณสวนหลังบ้านซึ่งมีที่ดินเพียงเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่ตามซุ้มต้นไม้ ตลอดจนไม้ยืนต้นที่ปลูกในบริเวณบ้าน หากมีสภาพโปร่ง ให้แสงแดดส่องลงได้พอสมควร ก็สามารถใช้เป็นที่ปลูกกล้วยไม้ได้ กล้วยไม้จึงเป็นไม้ดอกไม้ประดับบ้านให้สวยงามได้อย่างดี บ้านนับเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิตและครอบครัว บ้านที่มีพันธุ์ไม้สวยงามพอสมควรเป็นสิ่งประดับ ย่อมจะช่วยให้บ้านมีความน่าอยู่ยิ่งขึ้น จิตใจของคนที่อยู่ในบ้านย่อมมีความแจ่มใส บุตรหลานในครอบครัวซึ่งจะเติบโตขึ้นมาในอนาคต จะได้พบเห็นสิ่งที่ดี เสริมสร้างจิตใจในชีวิตประจำวัน และถ้าได้มีการฝึกอบรมให้ บุตรหลานได้มีจิตใจรักและช่วยดูแลทำนุบำรุงสิ่งเหล่านี้เป็นงานประจำแล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่บังเกิดผลดีในอนาคต
หลักสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตคนในสังคมทั่วๆไป ก็คือคนเราจะอยู่แต่ลำพังคนเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลต่อบุคคล ครอบครัวต่อครอบครัวและระหว่างประเทศต่างๆ ที่จะต้องอยู่ร่วมกันในโลกนี้ ทุกวันนี้มนุษย์เราจึงพยายามหาจุดแห่งความสนใจร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และความเข้าใจดีระหว่างกันและกัน อันเป็นหลักการและแนวทางที่จะมุ่งไปสู่ความสงบของมวลมนุษยชาติ วงการกล้วยไม้ในแต่ละประเทศหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศที่มีความเจริญทางจริยธรรมพอสมควร ได้มีการพัฒนากล้วยไม้ตามแนวทางดังกล่าวนี้ด้วย ดังจะเห็นได้ว่า มีประเทศต่างๆทั่วโลกเป็นจำนวนมากให้ความสนใจเลี้ยงกล้วยไม้ และมีสมาคม ผู้เลี้ยงกล้วยไม้ เพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ และมีการแลกเปลี่ยน ความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนพันธุ์ไม้ต่างๆระหว่างกัน นอกจากนั้น ยังได้มีการสร้างสรรค์และเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกของวงการกล้วยไม้ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นว่า ได้มีการจัดการประชุมกล้วยไม้ระหว่างประเทศในภาคพื้นยุโรปขึ้นทุกๆ ๓ ปี โดยหมุนเวียนไปตามประเทศต่างๆ ที่อยู่ในภูมิภาคนั้น และได้มีการริเริ่มงานชุมนุมกล้วยไม้โลกขึ้นเป็นครั้งแรกใน พ.ศ.๒๔๙๗ ณ เมืองเซนต์หลุยส์ มลรัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา นับแต่ นั้นมา งานชุมนุมกล้วยไม้โลกก็ได้จัดขึ้นทุกๆ ๓ ปี โดยหมุนเวียนไปตามประเทศต่างๆ ตามข้อตกลงในที่ประชุมที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยนั้น ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมกล้วยไม้โลกครั้งที่ ๙ ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ซึ่งปรากฏว่า ได้มี บุคคลต่างชาติต่างภาษาและต่างสาขาอาชีพจาก ๔๑ ประเทศ มาร่วมประชุมกันประมาณ ๓,๐๐๐ คน บุคคลในวงการกล้วยไม้ จึงมีการติดต่อถึงกันในมุมต่างๆของชีวิตอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านความรักความสนใจธรรมชาติ ความสัมพันธ์ทางจิตใจ และการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้ ค้นพบใหม่ๆ ด้วย
จากประโยชน์ที่สังคมได้รับจากกล้วยไม้ดังได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด จึงทำให้กล้วยไม้เป็นที่ต้องการในกลุ่มคนโดยทั่วๆไป ดังนั้น จึงเกิดธุรกิจการค้าเกี่ยวกับกล้วยไม้ติดตามมา อันเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีตั้งแต่ที่เป็นผลพลอยได้จากการ เลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกในครอบครัวไปจนถึงการประกอบ อาชีพหลักด้วยการเลี้ยงกล้วยไม้ การค้ากล้วยไม้นั้นก็มีการขายทั้งต้นและดอก การขายต้นจำแนกออกไปได้เป็น ๒ แนวทางคือเพื่อนำไปปลูกเลี้ยงเป็นงานอดิเรก นำไปทำพันธุ์เพื่อการขยายออกไป หรือจำหน่ายไปสู่การปลูกเพื่อตัดดอกเป็นการค้าก็ได้อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการค้ากล้วยไม้ก็จะต้องเข้าใจถึงประโยชน์อันแท้จริงที่กล้วยไม้ได้อำนวยให้แก่สังคมดังกล่าวมาแล้วทั้งหมด และต้องร่วมมือกันรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ธุรกิจการค้ากล้วยไม้มีความมั่นคงถาวร หรืออาจกล่าวโดย สรุปได้ว่า ผู้ที่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากกล้วยไม้ควรจะได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมให้ผู้สนใจเลี้ยงกล้วยไม้ได้รับประโยชน์ จากกล้วยไม้ในทางที่ถูกต้องด้วย